ในโลกยุคปัจจุบันที่เราเห็นตำหนักร่างทรงมากมายเหล่านั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ไหนเป็นร่างทรงที่องค์เทพยดาท่านเลือกที่จะใช้ร่างจริง ๆ ลักษณะของร่างทรงจอมปลอมคือ
1. มักจะพูดชักจูงจิตใจให้หลงในสรรพวิทยาเกินจริง 2. ให้สังเกตุคนที่ดูแล้วมีฐานะ คนเหล่านั้นจะถูกทักว่ามีองค์ทุกคน (เห็นมาเย๊อะมาก แข่งกันเลย มาสามสี่คนมีองค์กันหมด แหมเกิดมาพร้อมบุญกุศลแต่คนจนนี่องค์ไม่เลือกประทับ แปลกจัง) 3. แนะให้หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายก่ายกอง (ทั้ง ๆ ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประเสริฐที่สุดเดินผ่านทุกวันไม่เคยไหว้ นั่นคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระเจ้าอยู่หัวของเรานี่เอง) 4. การทำนายไม่ต่างกับหมอดูทั่วไป ชักจูงใจจนถึงที่สุดเลย ตามสูตรผมเรียกว่าแทงผิดแทงถูก แทง ๆ มันเข้าไปเดี๋ยวลงหลุมเอง คนศรัทธาอยู่แล้วพอเข้าจุดหน่อยก็งมงายไม่ลืมหูลืมตา 5. ชักจูงให้เช่าบูชาแต่เครื่องบูชา องค์เทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่จำเป็น (ตอนเกิดมาถืออะไรมาด้วยหรือไงหนอ ไม่เข้าใจ)
ปัจจุบันตำหนักเหล่านี้เปิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในอาคาร นอกอาคาร ตามบ้านคนทรงเจ้าต่าง ๆ ถามว่า คนเหล่านั้นได้กุศลตรงที่ชักจูงจิตใจคน ให้ทำความดี แต่ได้บาปตรงที่หลอกลวงประชาชน ผิดกับ \"เจ้าเข้าทรง\" ซึ่งบอกได้เลยว่ามีน้อยมาก เทพบางองค์เลือกร่างทรงไว้เพียงคนเดียวก็มี บางองค์เลือกร่างทรงไว้หลายคน แต่การที่จะประทับร่างพร้อมกันนั้น ต้องเป็นเวลาเดียวกัน ความเชื่อมโยงที่ถูกต้องเท่านั้นถึงทำได้
ประสบการณ์ที่เคยพบคือ เคยไปงานร่างทรง ที่ประมาณว่า ร่างทรงองค์เจ้ามาชุมนุมกันเพื่อจัดงานเลี้ยงรวมร่างทรงทั้งหลายในกลุ่มตนเอง จะผลัดกันเป็นเจ้าภาพไปเรื่อย ๆ เหล่าศิษยานุศิษทั้งหลายก็มารวมกันมากมาย ส่วนตัวที่เข้าไปได้เพราะมีเพื่อนอยู่คนนึง เป็นร่างทรงพระแม่กาลี เราก็เฉย ๆ เชื่อในเองค์เทพ แต่ไม่เชื่อในตัวเพื่อน เพราะอะไรมันเป็นความรู้สึกส่วนตัวประมาณนั้น
พอได้เวลาลั่นกลองอย่างกับออกรบ เสียงเพลงเสียงดนตรีขึ้นมาปั๊บ จะมีต้นเสียงขับขานเพลงประจำเทพองค์ต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น \"ขอเชิญพระแม่อุมามหาเทวีลงมา ณ บัดนี้\" พอพูดจบเท่านั้นแหล่ะ ร่างแม่อุมาทั้งหลายแห่กันมาล้อมวงรำและแสดงท่าทางต่าง ๆ มากมาย ที่น่าตลกคือ แม่อุมาลงทรงพร้อมกันยี่สิบกว่าคน แถมแต่ละคนยังถามสารทุกสุขดิบกันด้วยว่า \"เป็นอย่างไรบ้างท่าน สบายดีมั๊ย\" ก็ตัวเองต่างเป็นแม่อุมา ดั๊นนน... มาถามว่าตัวเองสบายดีมั๊ย
อีกเรื่องนึงที่แปลกคือว่า ในแต่ละรอบเทพแต่ละองค์จะต้องลงมาประทับ พอดีผมสังเกตุเจ๊กระเทยอ้วนอยู่คนนึง ตัวอ้วน ๆ นะ เห็นลงประทุกเทพเลย ตั้งแต่ แม่อุมาเทวี, แม่กาลี, ท้าวเวสสุวรรณ, และตอนที่ผมเอะใจ แกลงประทับ \"กินรีเล่นน้ำอยู่\" โอ้โห้ ... ตัวอย่างกะผีเสื้อสมุทร ประทับองค์กินนรีเล่นน้ำ จะบ้าตาย ที่สำคัญเพื่อนผมเป็นกระเทยเหมือนกัน หุ่นก็ไล่ ๆ กับแม่กินนรียักษ์ที่เล่นน้ำอยู่นั่นแหล่ะ มันหันมาบอกผมว่า \"โถ ...เวร เมื่อกี้ ...ยังเห็นมันวิดหม้อพะโล้หลังบ้านเจ้าภาพอยู่เลย นี่ร่อนลงมาเล่นน้ำกะเค้าได้อีกนะ\" เท่านั้นแหล่ะผมกลั้นขำไม่ออกเชียว ขอบอกว่าไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย และยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ลบหลู่องค์เทพ แต่ไม่เชื่อในตัวร่างทรงจอมปลอมเหล่านั้น
บอกได้เลยครับว่าคนที่เป็นร่างทรง ให้ \"เจ้าเข้าทรง\" จริง ๆ นั้นมีน้อยมาก เนื่องจากคนที่มีคุณสมบัติดังนี้ค่อนข้างที่จะแตกต่างจากคนทั่ว ๆ ไป เพราะเป็นกำหนดที่ให้เกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้จริง ๆ บางคนถึงกับอาภัพคู่ คือจะมีคู่ไม่ได้ เด็ดขาด บางคนห้ามดื่มเหล้า มิเช่นนั้นจะมีอันเป็นไป บางคนห้ามเดินลอดคาน ทุกอย่างที่เป็นขื่อเป็นคาน เดินลอดไม่ได้ มันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่ยากลำบากมากที่จะเข้าใจได้แต่คน ๆ นั้นจะรู้อยู่แก่ใจดี ว่าเกิดมาเพื่ออะไร ทำอะไรได้มากแค่ไหน มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ๆ
แต่ก็ว่าไม่ได้สำหรับความเชื่อของคนทั่วไป บางคนก็งมงายจนไร้เหตุผล เรียกคนประเภทนี้ว่า \"สุดโต่ง\" คือความดื้อรั้นจนถึงที่สุด ไม่เคยศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ หลงงมงาย คนกลุ่มนี้บอกได้คำเดียวว่า กว่าจะรู้สึกตัวก็คงสายเกินไป